26.8.52

All around Vientiane

พอได้รถ..การคมนาคมในเวียงจันทน์ของเราก็สะดวกขึ้น เริ่มเป็นไปตามแผน แผนตะลอนเวียงจันทน์ ได้ตะลอนจริงๆ อยากไปที่ไหนก็ไป เปิดข้อมูลที่หามาบ้าง ถามคนแถวนั้นบ้าง ถามเด็กวัยรุ่นบ้าง ไปมันให้หมด ให้สมความตั้งใจที่จะทำตัวให้กลมกลืนกับคนลาวที่สุด


พาหนะคู่ใจของเราตลอดระยะเวลาที่อยู่เวียงจันทน์




เป้าหมายแรก..ไปตลาดเซ้า เพราะต้องไปแลกเงิน แลกเงินลอตแรก 2,000 บาทไทย เพียงชั่ววินาทีเราก็กลายเป็นเศรษฐีโดยฉับพลัน เพราะแลกเป็นเงินกีบมาได้ประมาณ 500,000 กีบ รวยเละ!! จะถลุงกันยังไงดีล่ะ 555 ดีใจได้ไม่นาน เห็นแว๊บๆว่าข้าวจานนึงก็หลักพันหลักหมื่นแล้วนี่หว่า เลยต้องคิดให้รอบทุกครั้งที่ใช้เงินกีบ ถ้าพลาดอาจหมดตัวได้ แต่พอดีการเดินทางครั้งนี้วางแผนมาอย่างดีในเรื่องการจองที่พักและค่าเดินทางไป-กลับ คือ เราจ่ายส่วนนี้ไปล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นเงินที่ติดตัวมานี่คือค่าใช้จ่ายประจำวันล้วนๆ ซึ่งถือว่าคล่องตัวเลยล่ะ
ขึ้นชื่อว่า "ตลาดเซ้า" แต่หาใช่ตลาดเช้าไม่ บางทีฝรั่งจะเรียกว่า Morning Market แต่เราว่าถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องเป็น Day Market มากกว่า เพราะตลาดเช้าที่นี่ ไม่ได้เปิดแต่เช้าตรู่ แต่จะเปิดประมาณ 8-9โมงแล้ว และปิดตอนเย็น เคยมีฝรั่งคนหนึ่งเค้าเห็นชื่อว่า Morning Market เค้าก็อุดส่าห์รีบไปตั้งแต่ตี5-6โมง ปรากฏว่ายังไม่มีของมาขายเลย ตลาดเซ้าจะออกแนวๆพวกศูนย์การค้าแบบแฟชั่นมอลล์พวกนั้นมากกว่า ลักษณะการจัดร้านจะคล้ายๆแพลตตินั่มแต่เก่ากว่ามาก ของที่ขายก็จะมีพวกเครื่องเงิน-ทอง กระเป๋าก๊อปแบรนด์เนม เสื้อผ้า รองเท้า ซีดีแท้-เทียม ผ้าไหม-ผ้าทอของลาว เสื้อยืดสกรีนลาย ประมาณนี้แหละ แต่จะมีส่วนตลาดด้านนอกด้วย ลักษณะคล้ายๆคลองถมบ้านเรา มีตั้งแต่เครื่องเงินยันเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเสื้อยืดที่ได้มาฝากพี่ๆน้องๆ ก็ได้มาจากตลาดด้านนอกนี่แหละ ถ้าเดินมาจากทางที่จอดรถมอไซค์จะอยู่ด้านซ้ายมือของทางเข้ามอลล์ มีป้าคนนึงนั่งขายอยู่ เนื้อผ้าส่วนใหญ่โอเค ลายก็โอเค รู้สึกว่าจะโอเคกว่าของที่ประตูชัยด้วย ตัวละประมาณ 50-80 บาท ตามไซส์เลย ถ้าซื้อเยอะป้าเค้าก็เฉลี่ยราคาให้ ก่อนกลับเรายังไปลาป้าเลยแล้วบอกว่าจะกลับมาหาใหม่ เค้าก็ยิ้มรับ

บรรยากาศตลาดเซ้า




ถัดจากตลาดเซ้าก็เตรียมไป "ประตูชัย" ข้อดีอีกอย่างของเวียงจันทน์คือ ถ้าจะหาสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์เช่น ประตูชัย หรือ ธาตุดำ เนี่ย หาไม่ยาก เพราะสิ่งก่อสร้างที่ประเทศลาวจะไม่ค่อยสูงนัก ถ้าเป็นบ้านเรือนก็จะสูงแค่ 1 ชั้น 1ชั้นครึ่ง ถึง 2 ชั้นเท่านั้น แต่ถ้าเป็นพวกสถานที่ราชการ โรงแรม เกสต์เฮ้าส์ก็จะสูงกว่า ตั้งแต่ 3-8 ชั้น แต่ก็จะไม่สูงมากเท่าบ้านเรา ไม่มีตึก 20 ชั้นให้เห็นเท่าไหร่ คิดว่ารัฐบาลลาวเค้าน่าจะออกกฏหมายควบคุมไว้ด้วย

สรุปคือ พอเราจะหาประตูชัย หันซ้าย หันขวา ก็เจอแล่ะ สูงโด่เด่อยู่ลิบๆ ก็เลยไปกัน เพราะเค้าว่าถ้าไม่ได้ขึ้นประตูชัยก็ถือว่ามาไม่ถึงเวียงจันทน์ พอไปถึง ก็จัดแจงถ่ายรูปด้านหน้าประตูชัย ด้านน้ำพุตามระเบียบ ได้มาคนละรูปสองรูป ก็เตรียมขึ้นไปข้างบนต่อ ค่าขึ้นถ้าคนลาวก็ 2,000 กีบ แต่ถ้าต่างชาติก็ 3,000 กีบ คนไทยก็จัดอยู่ในพวกต่างชาติเหมือนกัน ตอนขึ้นก็แอบเหนื่อยอยู่เหมือนกัน พอขึ้นไปก็จะเจอร้านขายของที่ระลึกก่อนเลย พวกเสื้อยืดก็เยอะจริงๆอย่างที่เค้าว่า แต่พอเลือกดูจริงๆแล้ว ตัวนี้ลายสวยแต่เนื้อผ้าไม้ดี ตัวนี้ก็เนื้อผ้าดีแต่ลายไม่สวย เลยไม่ได้ซื้อเลยสักตัว บวกกับก่อนหน้านี้ไปดูร้านป้าที่ตลาดเซ้ามาแล้วรู้สึกว่าของป้าจะดีกว่า ลายไม่เยอะมากแต่จะมีลายเวิร์กๆที่เนื้อผ้าก็เวิร์กเยอะดี ตอนหลังเลยไปอุดหนุนร้านป้าหมด พอเดินขึ้นไปอีกชั้นก็จะถึงชั้นบนที่สามารถมองเห็นวิวเมืองและถนนด้านล่างได้ ตรงนี้จะมีร้านขายของที่ระลึกอีกส่วนหนึ่ง ขายพวกเครื่องประดับและของฝากชิ้นเล็กชิ้นน้อย และก็พวกภาพวาด มองๆไปเห็นบันไดให้ขึ้นไปได้อีกเลยเดินขึ้นไป ปรากฎว่าไม่มีอะไรเลยมีแต่บันไดให้ขึ้นไปอีก แล้วก็มีช่างภาพคนนึงคอยบริการถ่ายรูปให้ โดยจะให้เรายืนตรงระเบียงเล็กๆด้านนอก พอขึ้นไปอีกชั้นนึง อันนี้งงมาก..ไม่มีอะไรเลยมีแต่หน้าต่างลูกกรงเหล็ก (มั้ง ถ้าจำไม่ผิดนะ) เท่าที่อ่านประวัติมา ประตูชัยถูกสร้างด้วยซีเมนต์ที่อเมริกาทิ้งไว้ตอนแพ้สงคราม ลักษณะของประตูชัยจึงเป็นพื้นผิวของซีเมนต์เฉยๆ ไม่ได้ทาสีใดๆ (ตอนที่ไปประตูชัยเป็นช่วงวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของใครสักคนนี่แหละ ครบ 100 ปีพอดี) กำแพงภายในประตูชัยถูกผู้คนและนักท่องเที่ยวขีดเขียนมากมายหลากหลายชนชาติจนเลอะเทอะไปหมด ไม่รู้สถาบันไหนเป็นสถาบันไหน ไปๆมาๆทำให้นึกถึงที่ฝรั่งคนนึงเขียนแนะนำประตูชัยไว้ในเว็บว่า "Patuxai...the view with nothing to shoot" -- "ประตูชัย...วิวที่ไม่มีอะไรให้ถ่ายภาพเลย"

ประตูชัย-เวียงจันทน์


ป.ล. พ่อทุกสถาบัน



ช่างภาพรับจ้างที่นี่จะมีเครื่องปรินท์รูปอัตโนมัติ
ของ Canon พกพาอยู่ตลอด


พอลงมาด้านล่างประตูชัยก็เริ่มๆหิวมากแล้ว เพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่มาถึง มองไปมองมาเห็นร้านขายอะไรสักอย่าง เป็นรถเข็นลาก บนฟุตบาทมีโต๊ะเก้าอี้อยู่ชุดหนึ่ง เลยลองแวะดู ถามเค้าว่านี่เรียกว่าอะไร เค้าบอกว่า "กะเปี๊ยก" แล้วไอ้กะเปี๊ยกเนี่ยมันอะไรล่ะ "กะเปี๊ยก กะคื้อ ก๋วยเตี๋ยว นั่นล่ะ..ถ้าฝั่งไทยเพิ่นกะเรียก ก๋วยเตี๋ยว ถ้าฝั่งพี้เฮากะเรียก กะเปี๊ยกนั่นล่า" โอเค เก๊ทล่ะ เอามา 2 ชาม ระหว่างรอก็มีคู่หนุ่มสาวชาวลาว 2 คู่มานั่งกินด้วยกัน อบอุ่นกันแน่นโต๊ะเลย กะเปี๊ยก จะคล้ายๆต้มเส้นของเวียดนาม เป็นเส้นสีขาวยาวๆ กลมๆ น้ำซุปเป็นซุปกระดูกหมู มีเนื้อหมูติดมันหน่อยๆแล่บางๆ และก็ใส่หอมเจียวด้วย ชามละ 5,000 กีบ ประมาณ 20 บาท ชิมดูปรากฏว่าอร่อยมาก ช่วงที่อยู่ที่เวียงจันทน์นี่ได้รู้เลยว่า ห้ามดูถูกร้านอาหารข้างทางเด็ดขาด ร้านอาหารแนะนำบางที่อาจจะไม่อร่อยเท่าที่ได้ยินมา แต่ร้านที่ไม่มีใครแนะนำหลายที่อร่อยกว่าที่เราคิด อย่างกะเปี๊ยกชามนี้ อาจจะเป็นเพราะเวียงจันทน์มีภูมิอากาศที่เย็นกว่าบ้านเรา เส้นกะเปี๊ยกเลยจะค่อนข้างเหนียวนุ่มและหนึบหนับสมกับที่เป็นเส้นสด น้ำซุป ลองชิมตอนยังไม่ปรุงอร่อยเข้าขั้นเลย พอปรุงแล้วยิ่งอร่อยขึ้นกลมกล่อม เครื่องปรุงจะมี พริกคั่วเปียกๆค่อนข้างเผ็ด น้ำตาล น้ำปลา พริกไทย มะนาว ตามปกติ มีชามถั่วงอกแช่น้ำไว้ให้ใส่ได้เองตามชอบ ที่แปลกคือมีผงชูรสไว้ให้ใส่เองตามใจชอบเหมือนกัน ชอบมากก็ใส่มากก็รับผิดชอบตัวเองกันไป ที่เกินคาดคือเนื้อหมูแล่บาง อร่อยมากจริงๆ แถมใส่มาให้แบบไม่ได้งกเลยด้วย สรุปมื้อแรกของทริปประทับใจมาก ขนาดที่ว่าก่อนกลับไทยยังแวะไปกะว่าจะกินอีกสักชาม 2 ชาม ไปถึงก็หมดซะแล้ว ก็เลยได้แต่ร่ำลาพร้อมกับบอกว่าจะกลับมากินอีกครั้งให้ได้ รู้สึกว่าการมาเวียงจันทน์ครั้งนี้มีสัญญาใจกับคนลาวไว้มากมายเหลือเกิน เหมือนจะเป็นสัญญาณให้รู้ตัวว่าต้องได้มีทริปสองแน่ๆ
กะเปี๊ยก แถวประตูชัย ใกล้จะหมดแล้วล่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น