7.11.52

Partner Agreement - Agoda Partner Center

Partner Agreement - Agoda Partner Center

Again, I will go to Vientiane, this trip likes my New Year present that I paid it for myself. However, everytime I want to go anywhere I've never been, I will discuss with Agoda. They always give me trusty and worried-free for travelling anywhere, no matter for Laos or more. Also, at least thier information can help me design my trip well, although they are not my final decision, but finally Agoda becomes to be my best final choices as always. I prefer to use Agoda service because of the main reason, "worried free", how could you imagine if you have never been in those countries before, I give my imagine to Agoda.


อีกครั้ง, เรากำลังจะไปเวียงจันทน์อีกแล้ว ทริปนี้จะเป็นเหมือนของขวัญปีใหม่ที่จะมอบให้ตัวเองเป็นรางวัล. สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ทุกครั้งที่อยากจะไปเที่ยวไหนที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน ก็จะคอยพึ่งอโกด้า เหราะ เรามักจะได้ข้อมูลโรงแรมที่น่าสนใจเยอะแยะมากมาย และอโกด้าก็ทำให้เราเชื่อถือและวางใจสำหรับทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะไปลาวหรือที่ไหนก็ตาม ก็มักจะได้ประสบการณ์ที่ดีกลับมาตลอด ที่สำคัญถึงจะแค่เข้าไปเพื่อหาข้อมูล เราก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย จากที่อโกด้าไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในตอนแรก แต่สุดท้ายเราก็เลือกอโกด้าทุกครั้ง ที่เราชอบใช้บริการอโกด้าเพราะอะไร, ลองจินตนาการถึงการไปเที่ยวในประเทศที่คุณไม่เคยไปดูสิ คิดยังไงก็คิดไม่ออกใช่มั้ย เหตุผลเดียวเลย คือ อโกด้า ที่จะไม่ทำให้เราผิดหวัง หรือ ยุ่งยาก ตลอดทริป

13.9.52

99 days by ananda : 99 วัน โดย อนันดา เอเวอริ่งแฮม

คนอะไร หล่อแล้วยังติสท์ได้ที่อีก..

"ผลงานชิ้นใหม่ของผม ผมเดินทางถ่ายภาพเอง
เพื่อมาทำเป็น หนังสือภาพไดอารี
ผมตั้งชื่อว่า "99 วัน"...

"99 Days by my Ananda"





Ref. from: http://www.youtube.com/

3.9.52

ของฝาก...

เมื่อเร็วๆนี้ ได้เห็นโฆษณางานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 16 ในหน้าหนังสือพิมพ์ เห็นครั้งแรกก็ชอบเลย..ถูกใจโก๋ เลยเอามาฝากให้ได้ดูกัน อีกอย่างเป็นงานอีกฟิวนึงที่รู้สึกว่าชอบ ออกแนวเก่าๆ ใหม่ๆ ไทยๆดี งานเหมือนง่ายแต่อาจจะยาก เหมือนจะยากแต่อาจจะง่าย ที่แน่ๆ ตรงประเด็นดี แนวอนุรักษ์แต่สมัยใหม่

ตัวงานพยายามคงคอนเซปต์เดียวกับสโลแกนของงานที่ว่า "หวนชื่นสู่ความรื่นรมย์ของการพักผ่อนที่ท่านคิดถึงคนึงหา"

คือตั้งใจจะชวนคนไทยย้อนอดีตเที่ยวเมืองไทย ที่ว่าย้อนอดีตเนี่ยน่าจะประมาณว่าชวนให้หันกลับมาเที่ยวเมืองไทยกันบ้างอะไรเงี้ยแหละ..คิดว่านะ โดยส่วนตัวคิดว่า เค้าตั้งใจทำตัวงานโฆษณาเนี้ยให้เราได้คิดถึงภาพสมัยก่อนที่คนไทยเรานิยมไปเที่ยวทะเล เที่ยวพัทยา บางแสน ตากอากาศอะไรทำนองนั้น สมัยนั้นแค่นั้นก็ถือว่าโก้แล้ว

ใครที่ชอบท่องเที่ยวน่าจะลองไปงานนี้ดูนะ จะมีทั้งส่วนลด โรงแรม รีสอร์ต สายการบิน บริษัททัวร์ รถเช่า แพ็คเกจสปา เรือสำราญ ภัตตาคาร อุปกรณ์ท่องเที่ยว-เดินทาง แคมปิ้ง ดำน้ำ สารพัดสารเพ อีกอย่างเห็นเพื่อนๆเคยเล่าว่าถ้าโชคดีอาจได้แพ็คเกจท่องเที่ยวหรือไม่ก็ฮันนีมูนแบบถูกๆเหมือนได้เปล่าเลยล่ะ นี่ไม่ได้ค่าโฆษณานะเนี่ย...แต่ชอบจังเลยงานแบบเนี้ย...แล้วเจอกัน

26.8.52

All around Vientiane

พอได้รถ..การคมนาคมในเวียงจันทน์ของเราก็สะดวกขึ้น เริ่มเป็นไปตามแผน แผนตะลอนเวียงจันทน์ ได้ตะลอนจริงๆ อยากไปที่ไหนก็ไป เปิดข้อมูลที่หามาบ้าง ถามคนแถวนั้นบ้าง ถามเด็กวัยรุ่นบ้าง ไปมันให้หมด ให้สมความตั้งใจที่จะทำตัวให้กลมกลืนกับคนลาวที่สุด


พาหนะคู่ใจของเราตลอดระยะเวลาที่อยู่เวียงจันทน์




เป้าหมายแรก..ไปตลาดเซ้า เพราะต้องไปแลกเงิน แลกเงินลอตแรก 2,000 บาทไทย เพียงชั่ววินาทีเราก็กลายเป็นเศรษฐีโดยฉับพลัน เพราะแลกเป็นเงินกีบมาได้ประมาณ 500,000 กีบ รวยเละ!! จะถลุงกันยังไงดีล่ะ 555 ดีใจได้ไม่นาน เห็นแว๊บๆว่าข้าวจานนึงก็หลักพันหลักหมื่นแล้วนี่หว่า เลยต้องคิดให้รอบทุกครั้งที่ใช้เงินกีบ ถ้าพลาดอาจหมดตัวได้ แต่พอดีการเดินทางครั้งนี้วางแผนมาอย่างดีในเรื่องการจองที่พักและค่าเดินทางไป-กลับ คือ เราจ่ายส่วนนี้ไปล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นเงินที่ติดตัวมานี่คือค่าใช้จ่ายประจำวันล้วนๆ ซึ่งถือว่าคล่องตัวเลยล่ะ
ขึ้นชื่อว่า "ตลาดเซ้า" แต่หาใช่ตลาดเช้าไม่ บางทีฝรั่งจะเรียกว่า Morning Market แต่เราว่าถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องเป็น Day Market มากกว่า เพราะตลาดเช้าที่นี่ ไม่ได้เปิดแต่เช้าตรู่ แต่จะเปิดประมาณ 8-9โมงแล้ว และปิดตอนเย็น เคยมีฝรั่งคนหนึ่งเค้าเห็นชื่อว่า Morning Market เค้าก็อุดส่าห์รีบไปตั้งแต่ตี5-6โมง ปรากฏว่ายังไม่มีของมาขายเลย ตลาดเซ้าจะออกแนวๆพวกศูนย์การค้าแบบแฟชั่นมอลล์พวกนั้นมากกว่า ลักษณะการจัดร้านจะคล้ายๆแพลตตินั่มแต่เก่ากว่ามาก ของที่ขายก็จะมีพวกเครื่องเงิน-ทอง กระเป๋าก๊อปแบรนด์เนม เสื้อผ้า รองเท้า ซีดีแท้-เทียม ผ้าไหม-ผ้าทอของลาว เสื้อยืดสกรีนลาย ประมาณนี้แหละ แต่จะมีส่วนตลาดด้านนอกด้วย ลักษณะคล้ายๆคลองถมบ้านเรา มีตั้งแต่เครื่องเงินยันเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเสื้อยืดที่ได้มาฝากพี่ๆน้องๆ ก็ได้มาจากตลาดด้านนอกนี่แหละ ถ้าเดินมาจากทางที่จอดรถมอไซค์จะอยู่ด้านซ้ายมือของทางเข้ามอลล์ มีป้าคนนึงนั่งขายอยู่ เนื้อผ้าส่วนใหญ่โอเค ลายก็โอเค รู้สึกว่าจะโอเคกว่าของที่ประตูชัยด้วย ตัวละประมาณ 50-80 บาท ตามไซส์เลย ถ้าซื้อเยอะป้าเค้าก็เฉลี่ยราคาให้ ก่อนกลับเรายังไปลาป้าเลยแล้วบอกว่าจะกลับมาหาใหม่ เค้าก็ยิ้มรับ

บรรยากาศตลาดเซ้า




ถัดจากตลาดเซ้าก็เตรียมไป "ประตูชัย" ข้อดีอีกอย่างของเวียงจันทน์คือ ถ้าจะหาสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์เช่น ประตูชัย หรือ ธาตุดำ เนี่ย หาไม่ยาก เพราะสิ่งก่อสร้างที่ประเทศลาวจะไม่ค่อยสูงนัก ถ้าเป็นบ้านเรือนก็จะสูงแค่ 1 ชั้น 1ชั้นครึ่ง ถึง 2 ชั้นเท่านั้น แต่ถ้าเป็นพวกสถานที่ราชการ โรงแรม เกสต์เฮ้าส์ก็จะสูงกว่า ตั้งแต่ 3-8 ชั้น แต่ก็จะไม่สูงมากเท่าบ้านเรา ไม่มีตึก 20 ชั้นให้เห็นเท่าไหร่ คิดว่ารัฐบาลลาวเค้าน่าจะออกกฏหมายควบคุมไว้ด้วย

สรุปคือ พอเราจะหาประตูชัย หันซ้าย หันขวา ก็เจอแล่ะ สูงโด่เด่อยู่ลิบๆ ก็เลยไปกัน เพราะเค้าว่าถ้าไม่ได้ขึ้นประตูชัยก็ถือว่ามาไม่ถึงเวียงจันทน์ พอไปถึง ก็จัดแจงถ่ายรูปด้านหน้าประตูชัย ด้านน้ำพุตามระเบียบ ได้มาคนละรูปสองรูป ก็เตรียมขึ้นไปข้างบนต่อ ค่าขึ้นถ้าคนลาวก็ 2,000 กีบ แต่ถ้าต่างชาติก็ 3,000 กีบ คนไทยก็จัดอยู่ในพวกต่างชาติเหมือนกัน ตอนขึ้นก็แอบเหนื่อยอยู่เหมือนกัน พอขึ้นไปก็จะเจอร้านขายของที่ระลึกก่อนเลย พวกเสื้อยืดก็เยอะจริงๆอย่างที่เค้าว่า แต่พอเลือกดูจริงๆแล้ว ตัวนี้ลายสวยแต่เนื้อผ้าไม้ดี ตัวนี้ก็เนื้อผ้าดีแต่ลายไม่สวย เลยไม่ได้ซื้อเลยสักตัว บวกกับก่อนหน้านี้ไปดูร้านป้าที่ตลาดเซ้ามาแล้วรู้สึกว่าของป้าจะดีกว่า ลายไม่เยอะมากแต่จะมีลายเวิร์กๆที่เนื้อผ้าก็เวิร์กเยอะดี ตอนหลังเลยไปอุดหนุนร้านป้าหมด พอเดินขึ้นไปอีกชั้นก็จะถึงชั้นบนที่สามารถมองเห็นวิวเมืองและถนนด้านล่างได้ ตรงนี้จะมีร้านขายของที่ระลึกอีกส่วนหนึ่ง ขายพวกเครื่องประดับและของฝากชิ้นเล็กชิ้นน้อย และก็พวกภาพวาด มองๆไปเห็นบันไดให้ขึ้นไปได้อีกเลยเดินขึ้นไป ปรากฎว่าไม่มีอะไรเลยมีแต่บันไดให้ขึ้นไปอีก แล้วก็มีช่างภาพคนนึงคอยบริการถ่ายรูปให้ โดยจะให้เรายืนตรงระเบียงเล็กๆด้านนอก พอขึ้นไปอีกชั้นนึง อันนี้งงมาก..ไม่มีอะไรเลยมีแต่หน้าต่างลูกกรงเหล็ก (มั้ง ถ้าจำไม่ผิดนะ) เท่าที่อ่านประวัติมา ประตูชัยถูกสร้างด้วยซีเมนต์ที่อเมริกาทิ้งไว้ตอนแพ้สงคราม ลักษณะของประตูชัยจึงเป็นพื้นผิวของซีเมนต์เฉยๆ ไม่ได้ทาสีใดๆ (ตอนที่ไปประตูชัยเป็นช่วงวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของใครสักคนนี่แหละ ครบ 100 ปีพอดี) กำแพงภายในประตูชัยถูกผู้คนและนักท่องเที่ยวขีดเขียนมากมายหลากหลายชนชาติจนเลอะเทอะไปหมด ไม่รู้สถาบันไหนเป็นสถาบันไหน ไปๆมาๆทำให้นึกถึงที่ฝรั่งคนนึงเขียนแนะนำประตูชัยไว้ในเว็บว่า "Patuxai...the view with nothing to shoot" -- "ประตูชัย...วิวที่ไม่มีอะไรให้ถ่ายภาพเลย"

ประตูชัย-เวียงจันทน์


ป.ล. พ่อทุกสถาบัน



ช่างภาพรับจ้างที่นี่จะมีเครื่องปรินท์รูปอัตโนมัติ
ของ Canon พกพาอยู่ตลอด


พอลงมาด้านล่างประตูชัยก็เริ่มๆหิวมากแล้ว เพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่มาถึง มองไปมองมาเห็นร้านขายอะไรสักอย่าง เป็นรถเข็นลาก บนฟุตบาทมีโต๊ะเก้าอี้อยู่ชุดหนึ่ง เลยลองแวะดู ถามเค้าว่านี่เรียกว่าอะไร เค้าบอกว่า "กะเปี๊ยก" แล้วไอ้กะเปี๊ยกเนี่ยมันอะไรล่ะ "กะเปี๊ยก กะคื้อ ก๋วยเตี๋ยว นั่นล่ะ..ถ้าฝั่งไทยเพิ่นกะเรียก ก๋วยเตี๋ยว ถ้าฝั่งพี้เฮากะเรียก กะเปี๊ยกนั่นล่า" โอเค เก๊ทล่ะ เอามา 2 ชาม ระหว่างรอก็มีคู่หนุ่มสาวชาวลาว 2 คู่มานั่งกินด้วยกัน อบอุ่นกันแน่นโต๊ะเลย กะเปี๊ยก จะคล้ายๆต้มเส้นของเวียดนาม เป็นเส้นสีขาวยาวๆ กลมๆ น้ำซุปเป็นซุปกระดูกหมู มีเนื้อหมูติดมันหน่อยๆแล่บางๆ และก็ใส่หอมเจียวด้วย ชามละ 5,000 กีบ ประมาณ 20 บาท ชิมดูปรากฏว่าอร่อยมาก ช่วงที่อยู่ที่เวียงจันทน์นี่ได้รู้เลยว่า ห้ามดูถูกร้านอาหารข้างทางเด็ดขาด ร้านอาหารแนะนำบางที่อาจจะไม่อร่อยเท่าที่ได้ยินมา แต่ร้านที่ไม่มีใครแนะนำหลายที่อร่อยกว่าที่เราคิด อย่างกะเปี๊ยกชามนี้ อาจจะเป็นเพราะเวียงจันทน์มีภูมิอากาศที่เย็นกว่าบ้านเรา เส้นกะเปี๊ยกเลยจะค่อนข้างเหนียวนุ่มและหนึบหนับสมกับที่เป็นเส้นสด น้ำซุป ลองชิมตอนยังไม่ปรุงอร่อยเข้าขั้นเลย พอปรุงแล้วยิ่งอร่อยขึ้นกลมกล่อม เครื่องปรุงจะมี พริกคั่วเปียกๆค่อนข้างเผ็ด น้ำตาล น้ำปลา พริกไทย มะนาว ตามปกติ มีชามถั่วงอกแช่น้ำไว้ให้ใส่ได้เองตามชอบ ที่แปลกคือมีผงชูรสไว้ให้ใส่เองตามใจชอบเหมือนกัน ชอบมากก็ใส่มากก็รับผิดชอบตัวเองกันไป ที่เกินคาดคือเนื้อหมูแล่บาง อร่อยมากจริงๆ แถมใส่มาให้แบบไม่ได้งกเลยด้วย สรุปมื้อแรกของทริปประทับใจมาก ขนาดที่ว่าก่อนกลับไทยยังแวะไปกะว่าจะกินอีกสักชาม 2 ชาม ไปถึงก็หมดซะแล้ว ก็เลยได้แต่ร่ำลาพร้อมกับบอกว่าจะกลับมากินอีกครั้งให้ได้ รู้สึกว่าการมาเวียงจันทน์ครั้งนี้มีสัญญาใจกับคนลาวไว้มากมายเหลือเกิน เหมือนจะเป็นสัญญาณให้รู้ตัวว่าต้องได้มีทริปสองแน่ๆ
กะเปี๊ยก แถวประตูชัย ใกล้จะหมดแล้วล่ะ

25.8.52

Moment in Vientiane..ณ ขณะ เวียงจันทน์

ถึงเวียงจันทน์แล่ะ..
หลังจากที่ได้นั่งรถกระบะจากสถานีรถไฟท่านาแล้งเพื่อเข้าตัวเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณไม่เกิน 30 นาทีก็จะเริ่มเห็นบรรยากาศของตัวเมือง วันแรกที่เหยียบเวียงจันทน์ก็เจอฝนตกเลย แต่แค่ตกปรอยๆพอถนนแฉะนิดๆหน่อยๆ ตอนแรกก็ตั้งใจไว้ว่าจะให้รถกระบะไปส่งที่ตลาดเช้า (ที่นู่นเรียก "ตลาดเซ้า") เพื่อจะได้แลกเงินกีบที่นั่นจากนั้นกะจะเดินไปเที่ยวแถวประตูชัย ดูเสื้อยืดสวยๆ เพราะหาข้อมูลมาว่าเสื้อยืดที่ประตูชัยจะมีเยอะ หลายแบบ หลายลาย แล้วค่อยหานั่งรถจัมโบ้ (ตุ๊กตุ๊กคันใหญ่ของลาวเค้า)เพื่อไปที่พักอีกที ระหว่างนี้ก็ตั้งใจว่าจะสอดส่องหาร้านเช่าจักรยานหรือมอเตอไซค์ไปด้วยเลย แต่หลังจากได้คุยกับพี่คนไทยที่เค้าเคยมาแล้วประกอบกับฝนตกเลยตัดสินใจให้รถกระบะไปส่งที่ที่พักเลยละกัน

เริ่มเข้าตัวเมืองเวียงจันทน์ ฝนก็ตก สังเกตุที่ป้ายรถเมล์ แหม..อ้ายคนนี้ ชิวจริงๆ
ดีดกีต้าร์พรำเสียงฝน


พอถึงที่พัก..เราเลือกพักที่โรงแรม New Lao Paris เพราะว่าอยากพักแถวโซนน้ำพุแล้วราคาก็ไม่แพงมาก ดูหน้าเว็บก็โอเค เนื่องจากตอนที่ไปเนี่ยคือช่วงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ พอพนักงานเค้าเห็นเราเดินเข้าโรงแรมมาเค้าก็พูดชื่อเราขึ้นมาเลย สงสัยวันนี้จะมีเราเช็คอินแค่คนเดียวละมั้ง การเช็คอินเป็นไปอย่างรวดเร็วและเรียบง่าย หลังจากยื่นเอกสารการจองที่พักให้แล้ว ไม่พูดพล่ามทำเพลงเค้าก็ยื่นกุญแจให้แม่บ้านพาเราขึ้นไป ที่ที่เราไปพักเนี่ยเกรดจะอยู่ราวๆ 3 ดาว อยู่ตรงถนนสามเสนไท เป็นถนนเส้นหลักขนานกันกับถนนเสธทาทิลาศ (เขียนถูกรึปล่าวไม่รู้) ถนน 2 เส้นนี้ถือเป็นถนนเส้นหลักของตัวเมืองเวียงจันทน์ เลยจะมีร้านอาหารและผับแอนด์เรสเตอรองอยู่เยอะ แต่ส่วนใหญ่เป็นร้านแนวตะวันตกซะมาก โดยเฉพาะโซนน้ำพุ (ถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะเขียนว่า Nampoo Fountain แปลเป็นไทยก็คือ น้ำพุ น้ำพุ) ถ้าใครอยากไปเที่ยวที่แนวๆข้าวสาร สีลม ก็ต้องมาแถวนี้ ส่วนราคาอาหารก็ประมาณเดียวๆกับบ้านเราเลย ประมาณแอบแพง กลับมาที่โรงแรมต่อ เพราะเป็นโรงแรม 3 ดาว เราเลยต้องถือสัมภาระขึ้นห้องและถือลงมาเช็คเอ๊าท์เอง สภาพห้องโดยรวมใช้ได้เลยล่ะ สบายๆ บ้านๆ ห้องอาบน้ำเป็นแบบใช้ฝักบัว มีชักโครกและจัดว่าสะอาด มีทีวีช่องไทยและก็ยูบีซี มีช่องเอชบีโอด้วย ห้องที่จองไปจองเป็นแบบมีระเบียง แต่ระเบียงจะเดินทะลุได้กับห้องข้างๆด้วย ถ้าออกมาพร้อมกันก็จะมีเพื่อนร่วมระเบียงไปโดยปริยาย แม่บ้านที่นี่ยิ้มเก่งมาก ยิ้มทุกวัน ไม่มีอะไรก็ยิ้ม เพราะเค้าพูดและฟังภาษาไทยไม่ค่อยได้ด้วยแหละ เพราะฉะนั้นเวลามีเรื่องอะไรก็จะโทรไปที่เคาน์เตอร์ซะส่วนใหญ่ สบายใจแล่ะเรื่องที่พัก ถือว่าดีเกินความคาดหวังเลย

จัดนู่นจัดนี่สักพักก็เดินออกมาหน้าโรงแรม..กะว่าจะหารถไปตลาดเช้าเป้าหมายเดิม ปรากฏว่าเดินเลี้ยวขวาไป2-3ห้องก็เจอร้านเช่ามอเตอไซค์พอดี๊เลย โชคดีมาก ตอนหาข้อมูลมาเค้าบอกว่าถ้าจักรยานจะอยู่ราวๆ 40-60 บาทต่อวัน แต่มอเตอไซค์ให้ลองต่อดูจะตกประมาณ 250 บาทต่อวัน ซึ่งเราก็ต่อมาได้ราคานั้นพอดี คือ วันละ 250 บาท (ต่อจาก 280 บาท) เช่าขาด 2 วัน ที่บอกว่าเช่าขาดคือไม่ต้องเอารถมาเก็บที่ร้าน เอามาคืนอีกทีวันสุดท้ายเลย เพราะบอกเค้าไปว่าเราพักที่ New Lao Paris นี่เอง เค้าก็ยอม นี่เป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ได้พักที่นี่เลย พี่เจ้าของร้านเช่ารถจะพูดและฟังภาษาไทยได้เลยต่อรองสะดวก จากนั้นก็ต้องทิ้งเอกสารเป็นประกันไว้ด้วย ตามปกติก็ต้องทิ้งพาสปอร์ตไว้ แต่เราขอเค้าทิ้งบัตรประชาชนไทยไว้ดีกว่าเผื่อต้องใช้พาสปอร์ต หลังจากนั้นเค้าก็จะให้เราเลือกหมวกกันกระแทก (หมวกกันน็อค) ตามใจชอบ ถ้าไม่ใส่ก็ถืกตำหลวด (เค้าว่างั้น) หลังจากได้รถมา ก็ออกซิ่งกันเลย ตอนได้รถเรียบร้อยยังแอบนึกในใจเลยว่า เรานี่มันแว๊นจริงๆเล้ย พอได้มอไซค์ก็ดีอกดีใจใหญ่ ประกอบกับที่ลาวจะขับรถพวงมาลัยซ้าย เราก็ขับไปตื่นเต้นไปด้วยความที่ไม่ชินถนน (แต่ก็สนุก)

ที่พักใจ..ในเวียงจันทน์ (เน่ามั้ยล่ะ)

New Lao Paris Hotel

เวร...กรรม

วันก่อนไปทักพี่สาวว่า..
"อาเจ้ๆ..สิวขึ้นที่ปากอ่ะ" (พอพูดเสร็จก็รีบยกมือไหว้ท่วมหัวตัวเอง ประมาณว่าแค่ทักเฉยๆนะ อย่ามาเข้าตัวเล้ย)

...ทุกคนคงเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ใช่มั้ย...แล้วมันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นล่ะ..

วันถัดมา..แค่วันเดียวเองนะ..เราก็ได้มีสิวเป็นของเราเองทันที โดยไม่ต้องร้องขอ
ไม่รู้มันเป็นอะไร แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเอาทฤษฎีไหนมาอธิบายกับเหตุการณ์นี้ได้ แต่ทุกครั้งที่เราไปทักเพื่อนๆหรือคนอื่นๆว่า "สิวขึ้นเรอะแก" กรรมมันก็ต้องรีบมาเยี่ยมเราทุกครั้งร่ำไป หรือบางทีแค่คิดจะทักในใจ มันก็มาแล้ว

อาเจ้สิวขึ้นที่ปากบน พอเราไปทัก เราเลยได้สิวมาอยู่ที่ปากล่าง..หยั่งงี้ ถ้าไม่เรียกว่า "กรรม..เวร" แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ...บาปกรรมน่ะมีอยู่จริงๆ อย่าทักอะไรมั่วซั่วเดี๋ยวมันเข้าตัว ไม่เชื่อก็ลองดู

11.8.52

แตะหนองคาย-เหยียบเวียงจันทน์

เส้นทางคร่าวๆของการนั่งรถไฟไปเวียงจันทน์ครั้งนี้ คือ

"จากหัวลำโพง-->แตะหนองคาย-->ผ่านท่านาแล้ง-->เหยียบเวียงจันทน์"

มาถึงหนองคายประมาณ 9โมง45 (มั้ง..ประมาณนี้แหละ) พอมาถึงเราก็ต้องซื้อตั๋วไปท่านาแล้งที่นี่ ซึ่งจะมีรถไฟไปที่นั่นประมาณ2รอบ ประมาณ 10โมงเช้า และ 4โมงเย็น รอบกลับจากท่านาแล้งมาหนองคายก็ประมาณนี้เหมือนกัน ซึ่งคนที่มีพาสปอร์ตก็ซื้อตั๋วได้เลยคนละ20บาท ตอนรอเข้าแถวซื้อตั๋วเนี่ยให้ไปขอบอร์เดอร์พาสจาก จนท.มากรอกรอไว้เลย ให้กรอกทั้งขาเข้าและขาออกทั้ง2แผ่นไว้เลย ส่วนคนที่ไม่มีพาสปอร์ตก็ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่รถไฟไปเลยว่าไม่มีพาสปอร์ตจะขอทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว (Border pass) เอกสารที่ต้องใช้เดี๋ยวนี้ไม่ต้องยุ่งยากแล้วแค่ บัตรประชาชน อย่างเดียวก็พอ กับเงิน 100 บาทค่าที่เค้าไปดำเนินการให้ ใช้เวลาประมาณ15นาที เสร็จแล้วก็ซื้อตั๋วรถไฟได้เลย

บางคนจะบอกว่ามีพาสปอร์ตจะสะดวกกว่า แต่ส่วนตัวเราว่าบางที บัตรผ่านแดนชั่วคราวสะดวกกว่านะ เวลาขาเข้าก็ไม่ต้องกรอกบอร์เดอร์พาส ขาออกก็ไม่ต้องมาต่อแถวตรวจพาสปอร์ต เอาบัตรผ่านแดนแผ่นที่เหลือหย่อนลงกล่องแล้วก็เดินผ่านไปได้เลย แต่คนที่ใช้บัตรผ่านแดนอาจจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง คือ ตอนมาถึงท่านาแล้งคนที่ถือพาสปอร์ตจะเสียค่าผ่านแดนขาเข้าแค่ 10 บาท แต่คนที่ถือบัตรผ่านแดนชั่วคราว จะเสียประมาณ 40 บาท แล้วก็พาสปอร์ตจะอยู่ในลาวได้ 1 เดือน ไปเที่ยวส่วนไหนของลาวก็ได้ แต่บัตรผ่านแดนชั่วคราวจะสามารถพักในเขตเวียงจันทน์ได้เพียง 3 วัน 2 คืนเท่านั้น ถ้าเกินกว่านั้นจะถูกปรับพอสมควรเลยล่ะ

ขอเล่าย้อนนิดนึงว่าตอนที่ถึงหนองคายน่ะ มองออกไปจะเห็นโบกี้รถไฟแบบเก่าที่เค้าเอามารีโนเวททำเป็นห้องสมุดด้านใน สวย คลาสสิกเชียวล่ะ ถ้ามีเวลาก็ลองแวะดูกันได้นะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเวลาหรอกเพราะรถไฟมาถึงหนองคายก็เลทแล้ว เกือบจะเหลื่อมล้ำกับเวลารถไฟที่จะออกไปท่านาแล้งพอดี

กลับมาที่ท่านาแล้งแล่ะ..พอมาถึงที่สถานีท่านาแล้งต้องจ่ายค่าเข้าประเทศเค้า ตรงนี้สำหรับคนที่ถือพาสปอร์ตก็ต้องไปเอาใบจาก จนท.มากรอกเหมือนกันแล้วก็ต่อแถวจ่ายค่าธรรมเนียม 10 บาท ส่วนคนที่ถือบัตรผ่านแดนชั่วคราวก็ไปอีกตู้นึง จะเสียค่าธรรมเนียมมากกว่านิดหน่อยแต่จะเร็วกว่าเพราะส่วนใหญ่เค้าจะมีพาสปอร์ตกันแถวก็จะยาวกว่า แต่สรุปแล้วเวลาที่ใช้ทั้งที่ฝั่งหนองคายและท่านาแล้งจะกินเวลาไม่มากเท่าไหร่ประมาณ10นาที แต่ถ้าฝั่งขาเข้าและออกของสะพานมิตรภาพไทย-ลาว (ถ้าอยู่ฝั่งลาวจะเรียก สะพานมิตรภาพลาว-ไทย) จะนานกว่านี้ บางทีอาจกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะที่สะพานมิตรภาพฯจะมีทั้งชาวไทย, ต่างชาติ, และชาวลาว มาทำเรื่องตรงนี้เยอะ แต่ที่ท่านาแล้งส่วนใหญก็มีแค่คนที่ต่อรถไฟจากหนองคายมาเท่านั้น ก็ที่มาจากหัวลำโพงด้วยกัน นอนโบกี้เดียวกันนั่นแหละ

พอจ่ายอะไรทุกอย่างเสร็จ ก็เตรียมสอดส่องหาคนร่วมแชร์รถเข้าไปไหนตัวเมืองเวียงจันทน์ได้เลย ค่ารถจะถูกตั้งไว้สูงมากเริ่มที่500-1,000 แล้วแต่ว่าเป็นรถกระบะหรือรถตู้ ต่อไปต่อมาจะเหลือไม่เท่าไหร่ แล้วตอนที่เราไปก็หารกันกับคนอื่นๆจะเหลือที่ คนละ40บาท คือ ต่อได้เหลือ400บาท ทั้งหมด10คน เป็นรถกระบะนะ (อันนี้ถือว่าคุ้มแล้วเพราะระยะทางไกลพอสมควร และเค้าก็จะไปส่งเราที่โรงแรมของแต่ละคนจนครบ) ก็คือตอนนี้พูดภาษาอะไรได้ก็เลือกเพื่อนร่วมทางตามภาษาที่ถนัดตามสะดวกเราเลย แต่ขอแนะนำให้รีบคุยกะคนไทยก่อนจะได้จบบทสรุปได้รวดเร็วขึ้น เพราะถ้าต่างชาติเค้าอาจจะคิดว่าเราจะหลอกเค้าก็เป็นได้ พอดีเจอมากับตัวเองไง อุตส่าห์งัดวิชาภาษาญี่ปุ่นอันน้อยนิดตัดสินใจชวนพี่ยุ่นที่ต่อแถวข้างหน้าเราให้แชร์ไปด้วยกัน กลับไม่ไว้ใจเราซะนี่คิดว่าเราจะไปหลอกเค้ามั้ง เห็นลังเลนานมากไม่ตอบสักที ซัดภาษาอังกฤษเข้าไปอีกก็ยังเงียบอีก ไปก็ไปทางเดียวกะเรายังมาคิดอะไรชักช้าอีก ระหว่างต่อแถวก็มีมาถามเราอีกว่าเสีย 10 บาทเท่ากันมั้ย (คงกลัวว่า จนท.ลาวจะโกงเค้า) หลังจากนั้นเริ่มรู้ว่าไม่เวิร์คแล่ะ พี่ยุ่นเค้าบอกขอคิดดูก่อน เลยเอาตัวเองก่อนดีกว่าจับกรุ๊ปพี่คนไทยที่มาพร้อมกันซะเลย..จบ ตอนแรกเราก็ยังห่วงพี่ยุ่นอยู่ พยายามชวนให้ไปด้วยกันบอกพี่คนไทยให้รอด้วย ก็บอกพี่ยุ่นไปว่าเค้าคิดราคาเหมาคันละ500 ไปกี่คนก็500 หารกันก็จะจ่ายคนละไม่ถึง100 พี่ๆคนไทยก็ช่วยพูดด้วยก็ยังไม่ตัดสินใจอีก (คนญี่ปุ่นนี่คิดเยอะจริงๆ) เห็นพี่ยุ่นแกวิ่งไปอีกกรุ๊ปนึงก็คิดว่าโล่งแล่ะไม่ต้องรับผิดชอบแล่ะ ไปๆมาๆพี่แกก็วิ่งกลับมาบอกว่าทีคันโน้นจ่ายแค่คนละ60บาทเอง (แกคงไปเซอร์เวย์มา..กลัวโดนหลอก) ทุกคนเลยช่วยกันพูดว่าตอนนี้คันพวกเราหารแล้วตกแค่คนละ40กว่าเอง พี่แกถึงได้ยอมไปกับพวกเรา หลังจากนั้นอยู่บนรถก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย..เข็ดแล้ว แต่พี่คนไทยดีมากช่วยแนะนำร้านอาหาร ที่เที่ยว ที่พัก เยอะแยะเลย เสียดายไม่ได้ขอเบอร์เค้ามา ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ..ที่ชวนขึ้นรถมาด้วย