
ความคิดแรกของคนเรา..มักจะเป็นความคิดที่ดีที่สุด
เพราะฉะนั้น..บทความแรก อันนี้ ย่อมเป็นบทความที่ดีที่สุดของทริปที่ดีที่สุดของเรา...เวียงจันทน์
วันนี้จะไปเวียงจันทน์...
"ขึ้นรถไฟครั้งแรก"...ตอนที่ 1
วันนี้วันศุกร์ ตามปกติแล้ววันศุกร์งานจะเริ่มซาๆแล้ว เพราะใกล้สุดสัปดาห์ แต่ทำไมวันนี้มันยุ่งจังล่ะ เหมือนงานมันจะรู้ว่าวันนี้เราจะไปรีแลกซ์
ทริปนี้เราแอบตื่นเต้นเพราะเราเป็นคนจัดการทริปเองทั้งหมด อยากรู้ว่าผลมันจะเป็นยังไง ประกอบกับนี่เป็นการขึ้นรถไฟครั้งแรกอีกต่างหาก..น่าสนุกมั้ยล่ะ
ออกจากบ้าน 1 ทุ่ม ถึงหัวลำโพง 1 ทุ่ม 20 ขึ้นรถไฟที่ชานชาลาที่ 3 รถไฟไปหนองคายที่อยากแนะนำก็มีเที่ยวเดียว คือรถไฟด่วนปรับอากาศ สาย 69 ชั้น 2 กรุงเทพฯ-หนองคาย รอบ 2 ทุ่มตรง ราคาตั๋วโดยสารรถไฟเตียงบน 688 บาท-เตียงล่าง 758 บาท (หรือใครอยากไปชั้น 1 ก็ได้นะ เตียงบน 1,117 บาท-เตียงล่าง 1,317 ถ้าอยากเหมาห้องก็ 1,817 บาท)
แล้วทริปของเราก็เริ่ม..รถไฟเริ่มออกตอน 2 ทุ่ม 20 กว่าๆ (ตามกำหนดการต้องออก 2 ทุ่มตรง..นี่แหละรถไฟไทย)
สักพักนายตรวจตั๋วก็มา และหลังจากนั้นอีกไม่นาน จนท.ปูเตียงก็มา (อีกนิดเดียว..จะได้เห็นเตียงนอนเราแล้ว) ตั้งแต่เลิกงานก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย ขึ้นรถไฟมาหิวมาก โชคดีได้ผัดมาม่าของม่ามี๊มาช่วยไว้ เพราะตอนขอเมนูของตู้เสบียงมาดู ก็แอบนึกในใจ...แอบแพงว่ะ (แพงแบบแอบๆ) ถ้าไปคราวหน้าจะเตรียมซื้อข้าวมาเลยจะได้ไม่ต้องทนหิวแบบครั้งนี้
สังเกตุรอบๆ ผู้โดยสารยังไม่เต็มดีเท่าไหร่ แต่พอผ่านไปหลายๆสถานี จากสามเสน ผ่านจตุจักร เข้ารังสิต ออกปทุมธานี ไม่นานคนก็เต็ม จริงๆแล้วรถไฟไทยก็รับบทหนักเหมือนกันนะ ต้องวิ่งแทบทั่วประเทศ ไม่เหมือนรถทัวร์ที่ยังมีแบบสายตรงจากกรุงเทพฯไปจังหวัดอื่นๆได้เลย อยากให้มีการส่งเสริมการรถไฟไทยให้มากๆหน่อย จะได้มีรถไฟสวยๆ ดีๆให้เราได้นั่งกันตลอด มาถึงตรงนี้พูดยังไม่ทันขาดคำ...รถไฟเสียซะแล้ว เริ่มจากแอร์ในรถไฟดับไปตอนประมาณ 5 ทุ่ม 15 แล้วรถไฟก็ต้องหยุดวิ่งเพื่อให้จนท.ลงไปตรวจดูห้องเครื่อง..เสียตรงไหนไม่เสีย มาเสียกลางป่ากลางเขาซะนี่ (อันนี้แอบได้ยิน จนท.เค้าบ่นมา) จนท. ตรวจสอบความเสียหายไปพร้อมๆกับให้รถไฟวิ่งเหยาะๆ (นึกภาพเอาเองละกันว่ารถไฟวิ่งเหยาะๆเป็นยังไง) ร่วมชั่วโมงเราก็ได้แอร์กลับคืนมา..นึกว่าจะได้นอนร้อนๆซะแล้ว
บนรถไฟพอดึกๆแล้ว เริ่มมองวิวข้างนอกไม่เห็นแล้ว เลยไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ผู้โดยสารคนอื่นๆก็เริ่มทยอยเข้านอนกันหมดแล้ว ตอนก่อนที่รถไฟจะแอร์เสียเราก็ยังไม่ง่วงหรอก แต่พอรถไฟเสียได้สักครึ่งชั่วโมงก็เริ่มเกิดอาการง่วงขึ้นมาทันที จึงปีนขึ้นมานอนบนเตียงด้านบน (เวลาอยู่บนรถไฟจะพยายามไม่กินน้ำเยอะ จะได้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ)
เพราะฉะนั้น..บทความแรก อันนี้ ย่อมเป็นบทความที่ดีที่สุดของทริปที่ดีที่สุดของเรา...เวียงจันทน์
วันนี้จะไปเวียงจันทน์...
"ขึ้นรถไฟครั้งแรก"...ตอนที่ 1
วันนี้วันศุกร์ ตามปกติแล้ววันศุกร์งานจะเริ่มซาๆแล้ว เพราะใกล้สุดสัปดาห์ แต่ทำไมวันนี้มันยุ่งจังล่ะ เหมือนงานมันจะรู้ว่าวันนี้เราจะไปรีแลกซ์
ทริปนี้เราแอบตื่นเต้นเพราะเราเป็นคนจัดการทริปเองทั้งหมด อยากรู้ว่าผลมันจะเป็นยังไง ประกอบกับนี่เป็นการขึ้นรถไฟครั้งแรกอีกต่างหาก..น่าสนุกมั้ยล่ะ
ออกจากบ้าน 1 ทุ่ม ถึงหัวลำโพง 1 ทุ่ม 20 ขึ้นรถไฟที่ชานชาลาที่ 3 รถไฟไปหนองคายที่อยากแนะนำก็มีเที่ยวเดียว คือรถไฟด่วนปรับอากาศ สาย 69 ชั้น 2 กรุงเทพฯ-หนองคาย รอบ 2 ทุ่มตรง ราคาตั๋วโดยสารรถไฟเตียงบน 688 บาท-เตียงล่าง 758 บาท (หรือใครอยากไปชั้น 1 ก็ได้นะ เตียงบน 1,117 บาท-เตียงล่าง 1,317 ถ้าอยากเหมาห้องก็ 1,817 บาท)
แล้วทริปของเราก็เริ่ม..รถไฟเริ่มออกตอน 2 ทุ่ม 20 กว่าๆ (ตามกำหนดการต้องออก 2 ทุ่มตรง..นี่แหละรถไฟไทย)
สักพักนายตรวจตั๋วก็มา และหลังจากนั้นอีกไม่นาน จนท.ปูเตียงก็มา (อีกนิดเดียว..จะได้เห็นเตียงนอนเราแล้ว) ตั้งแต่เลิกงานก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย ขึ้นรถไฟมาหิวมาก โชคดีได้ผัดมาม่าของม่ามี๊มาช่วยไว้ เพราะตอนขอเมนูของตู้เสบียงมาดู ก็แอบนึกในใจ...แอบแพงว่ะ (แพงแบบแอบๆ) ถ้าไปคราวหน้าจะเตรียมซื้อข้าวมาเลยจะได้ไม่ต้องทนหิวแบบครั้งนี้
สังเกตุรอบๆ ผู้โดยสารยังไม่เต็มดีเท่าไหร่ แต่พอผ่านไปหลายๆสถานี จากสามเสน ผ่านจตุจักร เข้ารังสิต ออกปทุมธานี ไม่นานคนก็เต็ม จริงๆแล้วรถไฟไทยก็รับบทหนักเหมือนกันนะ ต้องวิ่งแทบทั่วประเทศ ไม่เหมือนรถทัวร์ที่ยังมีแบบสายตรงจากกรุงเทพฯไปจังหวัดอื่นๆได้เลย อยากให้มีการส่งเสริมการรถไฟไทยให้มากๆหน่อย จะได้มีรถไฟสวยๆ ดีๆให้เราได้นั่งกันตลอด มาถึงตรงนี้พูดยังไม่ทันขาดคำ...รถไฟเสียซะแล้ว เริ่มจากแอร์ในรถไฟดับไปตอนประมาณ 5 ทุ่ม 15 แล้วรถไฟก็ต้องหยุดวิ่งเพื่อให้จนท.ลงไปตรวจดูห้องเครื่อง..เสียตรงไหนไม่เสีย มาเสียกลางป่ากลางเขาซะนี่ (อันนี้แอบได้ยิน จนท.เค้าบ่นมา) จนท. ตรวจสอบความเสียหายไปพร้อมๆกับให้รถไฟวิ่งเหยาะๆ (นึกภาพเอาเองละกันว่ารถไฟวิ่งเหยาะๆเป็นยังไง) ร่วมชั่วโมงเราก็ได้แอร์กลับคืนมา..นึกว่าจะได้นอนร้อนๆซะแล้ว
บนรถไฟพอดึกๆแล้ว เริ่มมองวิวข้างนอกไม่เห็นแล้ว เลยไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ผู้โดยสารคนอื่นๆก็เริ่มทยอยเข้านอนกันหมดแล้ว ตอนก่อนที่รถไฟจะแอร์เสียเราก็ยังไม่ง่วงหรอก แต่พอรถไฟเสียได้สักครึ่งชั่วโมงก็เริ่มเกิดอาการง่วงขึ้นมาทันที จึงปีนขึ้นมานอนบนเตียงด้านบน (เวลาอยู่บนรถไฟจะพยายามไม่กินน้ำเยอะ จะได้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น