
...ตื่นมาอีกทีก็ 6 โมงเช้าแล้ว ผู้โดยสารข้างๆที่คุ้นหน้าก็หายไปแล้ว คงลงไปสักพักแล้วมั้ง
ช่วงประมาณ 7 โมง ถามนายตรวจว่าถึงไหนแล้ว เค้าบอกว่าเข้าขอนแก่นแล้วและคาดว่าจะถึงหนองคายราวๆ 9 โมง เนื่องจากเหตุรถไฟเสียเมื่อคืนนี้เลยทำให้รถไฟถึงล่าช้ากว่ากำหนดขนาดนี้
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความน่ารักที่เป็นจรรยาบรรณของ จนท.การรถไฟให้รู้มาบ้าง เพราะตอนที่ตื่นมาได้ยิน จนท.เค้าคุยกันถึงเหตุการณ์เมื่อคืนพอดี ว่า ถ้าแอร์ยังไม่ติดละก็ ก็ต้องคืนเงินให้ผู้โดยสารตู้ปรับอากาศทั้งหมดตามจำนวนส่วนต่างของตู้ปรับอากาศกับตู้พัดลมและเปิดกระจกให้ (น่ารักดีนะ มันเป็นจรรยาบรรณของเค้า) จนท. คุยกันว่ารถไฟที่เรานั่งอยู่เนี่ยใช้กระแสไฟฟ้าแบตเตอรี่และบางทีก็ใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์เข้าช่วย แต่เหตุเกิดตอนกลางคืนใช่มั้ยล่ะ เค้าก็ต้องแก้ปัญหาโดยการแชร์ไฟจากตู้อื่นมา ตอนแรกลองแชร์ไฟจากตู้ชั้น3มา แต่ก็ยังไม่เวิร์ค เลยแชร์ไฟจากตู้ชั้น1แทน ก็เลยแก้ได้ แต่เห็นเค้าคุยกันว่าถ้ายังแชร์ไม่ติดอีกก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว...555...แป่ว!!..จะถึงมั้ยเนี่ยเวียงจันทน์ (ขอบอกก่อนว่าอันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะ ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเค้าแก้กันยังไง บังเอิญตื่นมาได้ยินเค้าคุยกันเฉยๆนะ ก็เป็นเรื่องเล่าขำๆกันไป)
8 โมงแล้ว จนถึงตอนนี้เราก็ยังนั่งเล่นอยู่บนเตียงบนเหมือนเดิม เพราะผู้โดยสารร่วมทางที่นอนอยู่เตียงล่างยังไม่ตื่น (เบิ๊ด..ด..ดด--ตื่นได้แล้ว) เตียงที่เรานอนอยู่ด้านบนจะค่อนข้างแคบกว่าเตียงล่าง ตั๋วเลยจะถูกกว่า ซึ่งส่วนสูงเราก็ประมาณ 164 ซม. ก็ยังสามารถลุกมานั่งขัดสมาธิเล่นเกมPSPได้สบายๆ พร้อมๆกับนั่งเขียนบันทึกนี้ด้วย ความรู้สึกตอนนอนเหมือนนอนอยู่ในแคปซูล เพราะเมื่อปิดม่านแล้วจะมองวิวด้านนอกไม่เห็นไม่เหมือนเตียงล่างเค้า แต่จะมีสายกันเรากลิ้งตก(มั้ง)อยู่2สายเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้โดยสาร ตื่นมาจะได้กลิ่นกาแฟตลบอบอวล เนื่องจากผู้โดยสาร (โดยเฉพาะชาวตปท.)เริ่มสั่งbreakfastมากินกันบ้างแล้ว...หอมดีจัง!! กาแฟยามเช้า---
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น